ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ /ครับ

วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รูปแบบของงบประมาณ

        ประเทศต่าง ๆ มีการดำเนินการทางด้านงบประมาณในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ การเลือกใช้รูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านการบริหาร ปัจจัยทางการเมือง ปัจจัยทางสังคม ความรู้ความสามารถ และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับงบประมาณในแต่ละรูปแบบนั้น มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

1.งบประมาณแบบแสดงรายการ (LINE ITEM BUDGET) งบประมาณแบบนี้ จะจำแนกและจัดหมวดหมู่ของงบประมาณรายจ่ายออกตามหน่วยงาน (ORGANIZATION CLASSIFICATION) และลักษณะของการใช้จ่าย (OBJECT – OF – EXPENDITURE CLASSIFICATION) อย่างละเอียด โดยแสดงรายละเอียดของหน่วยงาน รายการและจำนวนเงินที่ต้องการไว้ตายตัว เมื่อหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณนำเงินไปใช้จ่าย จะต้องใช้จ่ายตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนด จะนำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายในรายการอื่นที่ผิดไปจากรายการหรือวงเงินที่กำหนดไว้ไม่ได้ หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงรายการหรือวงเงินใช้จ่าย จะต้องทำความตกลงกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมก่อน งบประมาณแบบแสดงรายการ จึงเน้นในด้านการ     ควบคุมรายการใช้จ่ายให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติอย่างเข้มงวด โดยมิได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของการบริหารงานและผลงานที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณนั้น ๆ มากนัก ทำให้ขาดความ ยืดหยุ่นและการปฏิบัติงานไม่คล่องตัว งบประมาณแบบนี้ จึงอยู่ในประเภทระบบงบประมาณ   เพื่อการควบคุม (CONTROL ORIENTATION)

2.งบประมาณแบบปฏิบัติการ (PERFORMANCE BUDGETING) หรือ  งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน/ผลลัพธ์(PERFORMANCE – BASED BUDGETING หรือ PBB) เป็นรูปแบบงบประมาณที่ได้พัฒนามาจากงบประมาณแบบแสดงรายการ การจัดทำงบประมาณแบบนี้ จะมุ่งเน้นผลงานเป็นแนวทางที่ครบวงจรตั้งแต่ การวางแผน การจัดสรรงบประมาณ การจัดการที่เน้นผลผลิต (OUTPUTS) และผลลัพธ์ (OUTCOMES) ที่เกิดขึ้น โดยมีการระบุ   พันธกิจขององค์กรเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ และแสดงเงินงบประมาณที่จะใช้ในรูปแบบ  ของงานหรือกิจกรรมที่จะทำ แทนที่จะจำแนกออกเป็นหน่วยงาน มีการแสดงค่าใช้จ่ายสำหรับงานหรือกิจกรรมที่จะทำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมนั้น ๆ ออกมาในรูปของค่าใช้จ่ายต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีการประเมินผลสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตและผลลัพธ์เข้ากับเป้าหมายขอนโยบาย
และวัตถุประสงค์  เนื่องจากสิ่งสำคัญในการจัดทำงบประมาณที่มุ่งเน้นผลงาน  คือ  การวัดผล  การดำเนินงาน (PERFORMANCE   MEASURES) ที่เป็นการกำหนดหน่วยนับในการตรวจวัด  และประเมินผลการดำเนินงาน งบประมาณแบบนี้   จึงต้องอาศัยปัจจัยในการคิดผลงาน  (PERFORMANCE FACTOR)หรือมาตรการในการวัดผลงาน (WORK MEASUREMENT) และระบบบัญชีต้นทุน (COST ACCOUNT SYSTEM) เป็นเครื่องมือในการคำนวณค่าใช้จ่ายของงานต่าง ๆ ที่จะปฏิบัติจริงให้ถูกต้องยิ่งขึ้น เพื่อให้การวัดผลการดำเนินงาน ชัดเจน สมบูรณ์ สามารถ   นำมาใช้ได้จริงและเหมาะสมกับเวลา โดยทั่วไปหน่วยนับในการตรวจวัดจะต้องครอบคลุม    ทั้งปริมาณ คุณภาพ ค่าใช้จ่าย มีประสิทธิผลและทันตามความต้องการ อย่างไรก็ตามการนำ   งบประมาณแบบนี้มาใช้  จึงมักมีปัญหา เช่น การขาดกำลังคนผู้มีความสันทัดในการบริหารงานและวิเคราะห์โครงการ การขาดระบบบัญชีที่ทันสมัย การขาดประสิทธิภาพ และสมรรถภาพ ในการบริหารการเงินตลอดจนการขาดการจัดงานงบประมาณตามแบบฉบับสากล เป็นต้น  งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานนี้ จัดอยู่ในประเภทระบบงบประมาณเพื่อการจัดการ (MANAGEMENT ORIENTATION)

3.งบประมาณแบบแสดงแผนงาน (PLANNING BUDGET) เป็นรูปแบบงบประมาณที่เน้นความสำคัญในเรื่อง ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรหรือเงินงบประมาณ ในการจัดทำงบประมาณแบบแสดงแผนงาน จะมีการกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนงาน   ต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน โดยหน่วยงานที่ของบประมาณจะจัดโครงสร้างของแผนงานหรืองาน    โครงการขึ้นมา ในแต่ละแผนงานหรือโครงการ จะแสดงค่าใช้จ่ายและผลที่จะได้รับจากแผนงานหรือโครงการดังกล่าวไว้ด้วย นอกจากนี้ในการจัดสรรงบประมาณจะมีการวิเคราะห์การเลือก   แผนงานหรือโครงการที่มีความเหมาะสมตามลำดับก่อนหลังไว้อย่างสมเหตุ สมผลโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ทั้งด้าน มหภาพ” (MACRO) และ จุลภาพ” (MICRO) และ ความก้าวหน้าทางเทคนิคใหม่ ๆ ในด้านการให้ข่าวสารและการวินิจฉัย(INFORMATIONAL AND DECISIONAL TECHNOLOGIES) การวิเคราะห์ความเที่ยงธรรม (OBJECTIVE ANALYSIS) มาใช้ในการกำหนดนโยบาย รวมทั้งได้มีการนำกระบวนการบริหารและการวางแผนเข้าช่วย โดยคำนึงถึงอนาคตเพื่อให้การใช้ทรัพยากรหรือเงินงบประมาณที่มีอยู่จำกัดเป็นไปอย่างมี   ประสิทธิภาพ  และประหยัด งบประมาณแบบนี้สำนักงบประมาณจะไม่ควบคุมในรายละเอียด แต่จะเป็นผู้อนุมัติงบประมาณให้แผนงานหรือโครงการที่เลือก และจะควบคุมตรวจสอบและประเมินผลงานของแต่ละแผนงานหรือโครงการ ว่าสามารถดำเนินการบรรลุเป้าหมายของแผนงานหรือโครงการนั้น ๆ อย่างไร รูปแบบงบประมาณแบบแผนงานนี้ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นหรือส่วนหนึ่งของระบบงบประมาณแบบ PPBS (PLANNING PROGRMMING AND BUDGETING SYSTEM) 

4.งบประมาณแบบแสดงการวางแผนการ กำหนดโครงการ และระบบงบประมาณ (PLANNING PROGRAMMING AND BUDGETING SYSTEM – PPBS) รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี ได้ริเริ่มจัดทำงบประมาณแบบ PPBS ขึ้น แนวความคิดในการจัดทำงบประมาณแบบ PPBS นั้นเป็นรูปแบบที่ดีที่สุดในหลักวิชาทางเศรษฐศาสตร์      กล่าวคือ เป็นรูปแบบที่มีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการ โดยเน้นย้ำการกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายต่าง ๆ ของรัฐบาล หน่วยงานย่อยของรัฐบาล กิจกรรมและแผนงานต่าง ๆ ที่จะดำเนินการได้ เพื่อนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายเหล่านั้น ระบบงบประมาณแบบนี้เป็นระบบที่มีการแสดงตัวเลขค่าใช้จ่ายระยะยาวของโครงการที่มีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง ในการสนับสนุนโครงการนั้น ๆ เป็นการรวมแนวความคิดของระบบงบประมาณแบบแสดงแผนงาน แนวความคิดในการวิเคราะห์ค่าหน่วยสุดท้ายทางเศรษฐศาสตร์ (MARGINAL ANALYSIS) และการวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับผลอันพึงจะได้รับจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนั้น ๆ (COST  –  BENEFIT  ANALYSIS  หรือ COST  –  EFFECTIVENESS  ANALYSIS)  ด้วยการวิเคราะห์อย่างมีระบบ เพื่อหาทางเลือกในการดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมี    ประสิทธิภาพมากที่สุด และจะเป็นประโยชน์ในการเสนอของบประมาณของส่วนราชการอย่างเหมาะสม ซึ่งสาระสำคัญของงบประมาณรูปแบบนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องดังต่อไปนี้
4.1   การแสดงวัตถุประสงค์หรือเจตจำนงค์ของรัฐบาล
4.2 การแสดงทางเลือกในการดำเนินงาน (ALTERNATIVES) ที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนและเป็นธรรม
4.3 ประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องของทางเลือกในการดำเนินการ     แต่ละทางเลือก
4.4 ประมาณผลอันพึงจะได้รับจากทางเลือกในการดำเนินการนั้น ๆ
4.5 การเสนอค่าใช้จ่ายและผลอันพึงจะได้รับ เพื่อเปรียบเทียบระหว่างทางเลือกดำเนินการ นั้น ๆ พร้อมด้วยสมมติฐาน

5.งบประมาณแบบฐานศูนย์ (ZERO – BASE BUDGETING – ZBB) เป็นแนวความคิดในการจัดทำงบประมาณ โดยไม่ให้ความสำคัญแก่รายการหรือแผนงานที่เคยได้รับ  งบประมาณในปีที่ผ่านมาแล้ว แต่จะพิจารณาแผนงานทุกแผนงานที่ของบประมาณอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาความเหมาะสม ในการจัดทำงบประมาณแผนงานที่เคยได้รับงบประมาณมาแล้ว  อาจจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณอีก ถ้าหากแผนงานนั้นมีความเหมาะสมสู้แผนงานอื่นไม่ได้ การจัดทำงบประมาณในแนวความคิดดังกล่าว จะช่วยให้สำนักงบประมาณหรือฝ่ายจัดงบประมาณไม่ต้องเพิ่มงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่เคยได้รับงบประมาณแล้วทุกปี   โดยทั่วไปการจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ (ZBB) จะมีขั้นตอนที่สำคัญ 2 ขั้นตอน คือ การจัดทำ ชุดงานเพื่อการตัดสินใจ” (DECISION PACKAGES) และการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของชุดงานเพื่อการตัดสินใจ
5.1 การจัดทำ ชุดงานเพื่อการตัดสินใจ” ประกอบด้วย เอกสารที่แสดงและบรรยายแผนงานทุกแผนงานอย่างละเอียดถึงกิจกรรมที่ระบุไว้โดยเฉพาะ ชุดงานนี้จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถประเมินค่าและจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรม นำมาใช้ประกอบในการตัดสินใจในการจัดสรรงบประมาณได้
5.2 การจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของชุดงานเพื่อการตัดสินใจในขั้นตอนนี้จะนำชุดงานเพื่อการตัดสินใจมาใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจในการจัดสรรงบประมาณตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง โดยกระทำทุกระดับของสายการบังคับบัญชา ผู้จัดลำดับอาจจะเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือคณะกรรมการก็ได้ การจัดลำดับชุดงานนี้เพื่อช่วยให้ฝ่ายบริหารจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่
      อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติการจัดทำชุดงานเพื่อการตัดสินใจแต่ละชุดต้องใช้   ข้อมูลและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ทำให้การจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์มีปัญหาอุปสรรคมาก จนเป็นผลให้การจัดทำงบประมาณแบบฐานศูนย์ไม่ประสบความสำเร็จ



6.งบประมาณแบบสะสม (INCREMENTAL BUDGET) รูปแบบของงบประมาณแบบนี้ จะมีการพิจารณาเฉพาะส่วนของเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นใหม่ที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาจากปีที่แล้ว และยกยอดเงินงบประมาณของปีที่แล้วที่ได้เคยพิจารณาไปครั้งหนึ่งแล้ว มาตั้งเป็น   งบประมาณในปีใหม่ได้เลย เพราะถือว่างบประมาณจำนวนนี้ได้ มีการพิจารณาไปครั้งหนึ่งแล้ว เช่น ในปีงบประมาณ ๒๕๔๓ ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้จ่าย จำนวน 500 ล้านบาท   ในปีงบประมาณ 2544  ขอตั้งเพื่อใช้จ่าย จำนวน 550 ล้านบาท ก็จะพิจารณางบประมาณส่วนที่เพิ่มจากปีงบประมาณ 2543 จำนวน 50 ล้านบาท (550 500 ล้านบาทสำหรับงบประมาณจำนวนอีก 500 ล้านบาท สามารถนำมาตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2544 ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาอีกครั้ง เป็นต้น
          ในปัจจุบันประเทศไทยใช้รูปแบบงบประมาณแบบแสดงแผนงานในการดำเนินงานด้านงบประมาณ และเนื่องจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปในอัตราที่ค่อนข้างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไม่ว่าจะเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้น  ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายฉบับสำคัญ คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ..2540 ในเรื่องของความโปร่งใสและการตรวจสอบข้อมูล ข่าวสาร  รวมทั้งความต้องการในการรับบริการของรัฐที่มีคุณภาพและรวดเร็ว   รูปแบบงบประมาณแบบแสดงแผนงานที่ใช้อยู่ ซึ่งเป็นระบบที่เน้นในเรื่องการใช้ทรัพยากร แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องผลสำเร็จ เป็นระบบที่รวมอำนาจ แต่ไม่ให้ความสำคัญเรื่องการใช้ความสามารถในการบริหารจัดการของหัวหน้าหน่วยงาน มีการควบคุมอย่างเข้มงวด และเคร่งครัดในการเบิกจ่ายงบประมาณ    ทำให้ขาดความยืดหยุ่น และมีข้อจำกัดในด้านระบบและวิธีการงบประมาณ รวมทั้งไม่ได้นำเรื่องงบประมาณมาใช้ประโยชน์ในการบริหารเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ทำให้ไม่สามารถตอบสนองการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงเป็นแรงผลักดันทั้งภายในและภายนอกสำนักงบประมาณที่ต้องการให้มีการปฎิรูประบบงบประมาณอย่างจริงจัง เพื่อให้  งบประมาณเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเอื้อต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างมี  ประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างให้มีกลยุทธ์ในการจัดสรรทรัพยากร (STRATEGIC RESOURCE ALLOCATION)ที่เหมาะสม มีการจัดลำดับความสำคัญและสอดคล้องกับนโยบายและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะยาว ตลอดจนให้มีการจัดการงบประมาณที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล (OPERATIONAL PERFORMANCE EFFICIENCY AND EFFECTIVENESS) จากแรงผลักดันดังกล่าว สำนักงบประมาณจึงได้ร่วมมือกับส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการแสวงหาวิธีการที่ดีกว่าและเหมาะสมอันจะนำไปสู่การจัดการงบประมาณที่โปร่งใส มีการกระจายอำนาจ (DECENTRALIZATION)และมีการเพิ่มขอบเขตการครอบคลุมของงบประมาณ (EXPANDING BUDGETING COVERAGE) และเห็นว่างบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน/ผลลัพธ์ เป็นรูปแบบ   งบประมาณที่มีการระบุพันธกิจของหน่วยงานเป้าหมาย เชิงนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กร มีการประเมินผลสำเร็จอย่างสม่ำเสมอ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่ใช้เพื่อให้ได้  ผลผลิต ผลลัพธ์ตามเป้าหมายของนโยบายและวัตถุประสงค์ รวมถึงมีการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ สำนักงบประมาณจึงได้มีแนวความคิดที่จะนำ PBB มาทดลองใช้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงกระบวนการงบประมาณให้มีความเข้มแข็ง และมีมาตรฐานสูงขึ้นสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิผล เกิดประสิทธิภาพ มีความคล่องตัวและสามารถตรวจสอบได้  โดยมุ่งเน้นที่ผลสำเร็จของงาน ในการนำ PBB ไปปฏิบัตินั้น ในขั้นแรกสำนักงบประมาณได้ร่วมกับส่วนราชการจัดทำเป็นโครงการนำร่อง สำหรับทดลองเพื่อลดความเสี่ยงของการนำรูปแบบงบประมาณแบบใหม่ไปใช้กับทุกส่วนราชการและต้องการเห็นผลของการนำรูปแบบงบประมาณแบบนี้ ไปใช้ในการปรับปรุงสำหรับการขยายผลต่อไป  ในปีงบประมาณ 2544 มีหน่วยนำร่อง จำนวน 7 หน่วย ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน   โดยจะขยายผลไปยังหน่วยงานอื่นอีกในปีงบประมาณ 2547